วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

ดูการเทียบเคียง ๒๑/๒๘๒/๒

บทว่า ปารคู สพฺพธมฺมานํ ความว่า ผู้ถึงฝั่งด้วยความรู้ยิ่งซึ่งโลกิยธรรม
และโลกุตรอาทิผิด อักขระธรรมทั้งปวง อธิบายว่า รู้ยิ่งซึ่งสรรพธรรมอยู่. อีกนัยหนึ่ง
บทว่า ปารคู ท่านกล่าวอรรถไว้ดังนี้ว่า ผู้ถึงฝั่งการกำหนดรู้ขันธ์ ๕ ผู้ถึงฝั่ง
ด้วยการละกิเลสทั้งปวง ผู้ถึงฝั่งด้วยภาวนา ซึ่งมรรค ๔ ผู้ถึงฝั่งด้วยการกระทำ
ให้แจ้งซึ่งนิโรธ ผู้ถึงฝั่งด้วยการถึงพร้อมซึ่งสมาบัติทั้งปวง ด้วยคำเพียงเท่านี้.
ท่านกล่าวการถึงฝั่งด้วยอภิญญา ด้วยคำว่า ธรรมทั้งปวง อีกแล. บทว่า
พุทฺโธ ตาที ปวุจฺจติ ความว่า ผู้เช่นนั้น คือผู้ถึงฝั่งด้วยอาการ ๖ ท่าน
เรียกว่า พระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้ตรัสรู้แล้ว ซึ่งสัจจธรรมทั้ง ๔ โดยอาการ
ทั้งปวง.
ก็ปัญหาย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงวิสัชนาแล้วด้วยพระ
ดำรัสเพียงเท่านี้หรือ. ถูกแล้ว เป็นอันวิสัชนาเสร็จทุกข้อ. คือทรงวิสัชนา
ปัญหาข้อที่หนึ่ง เพราะเป็นผู้มีบาปอันลอยเสียแล้ว ชื่อว่า พราหมณ์ ด้วย
พระดำรัสว่า มุนีนั้นรู้จิตอันบริสุทธิ์ อันพ้นแล้วจากราคะทั้งหลายดังนี้.
ด้วยพระดำรัสว่า ถึงฝั่ง ชื่อว่าถึงเวท เพราะจบเวทแล้ว นี้ย่อมเป็นอัน
วิสัชนาปัญหาข้อที่สอง. ด้วยบทเป็นต้นว่า ปุพฺเพนิวาสํ ชื่อว่า ผู้มีวิชชาสาม
เพราะมีวิชชาสามเหล่านี้ ย่อมเป็นอันวิสัชนาปัญหาข้อที่สาม. ด้วยพระ
ดำรัสนี้ว่า พ้นจากราคะทั้งหลายโดยประการทั้งปวง นี้ชื่อว่า ผู้มีความสวัสดี
เพราะสลัดบาปธรรมออกได้ ย่อมเป็นอันวิสัชนาปัญหาข้อที่สี่. อนึ่ง ด้วย
พระดำรัสนี้ว่า บรรลุถึงความสิ้นชาติ นี้ชื่อว่า ย่อมเป็นอันวิสัชนาปัญหา
ข้อที่ห้า เพราะตรัสถึงพระอรหัตต์นั่นเทียว. ย่อมเป็นอันวิสัชนาปัญหาข้อที่
หก ด้วยพระดำรัสเหล่านี้คือว่า เป็นผู้เสร็จกิจแล้ว และว่า ชื่อว่าผู้มีคุณครบ
ถ้วนแห่งพรหมจรรย์. ด้วยพระดำรัสนี้ว่า ผู้นั้นชื่อว่า มุนี ผู้ยิ่งถึงที่สุดแล้ว
พระปิฎกธรรม
 อรรถประโยชน์ ที่พิมพ์ดูที่อ้าง การเทียบเคียง
คลิกเมาส์ตราสัญลักษณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

_____ ____________________